TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

เทคนิคการอ่านกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ในระบบเทรดforex

มกราคม 2, 2022

ถอดรหัสกราฟแท่งเทียน (Candlestick): สุดยอดเทคนิคจับจังหวะซื้อ-ขายในตลาด Forex อย่างมืออาชีพ

บทนำ: พลังแห่งการตีความราคาผ่านกราฟแท่งเทียน

ในโลกของการลงทุนและการเทรด ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือ ตลาด Forex ที่มีความผันผวนสูง การวิเคราะห์ทางเทคนิคถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจ และหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังและได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักลงทุนทั่วโลกคือ กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ด้วยความสามารถในการนำเสนอข้อมูลราคาที่สำคัญครบถ้วนภายในแท่งเดียว ทำให้กราฟแท่งเทียนเป็นเสมือน “ภาษา” ที่บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขายในตลาดได้อย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะเจาะลึกถึงแก่นแท้ของกราฟแท่งเทียน ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึง รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ที่สำคัญ เพื่อให้คุณสามารถระบุ จุดซื้อและจุดขาย ที่มีนัยสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับการเทรดของคุณสู่ความเป็นมืออาชีพ

กราฟแท่งเทียนคืออะไร? พื้นฐานที่นักเทรดต้องรู้

กราฟแท่งเทียน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Japanese Candlestick Chart” มีต้นกำเนิดมาจากการซื้อขายข้าวในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 คิดค้นโดยพ่อค้าข้าวชื่อ Munehisa Homma ซึ่งสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของตลาดมีผลต่อราคามากกว่าปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียว การนำเสนอข้อมูลแบบแท่งเทียนช่วยให้เขามองเห็นภาพรวมของตลาดและความรู้สึกของผู้ซื้อขายได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว

กราฟแท่งเทียนเป็นรูปแบบการแสดงผลราคาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้เราเข้าใจถึง 4 องค์ประกอบสำคัญของราคาภายในกรอบเวลาที่กำหนด ได้แก่ ราคาเปิด (Open), ราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low) และราคาปิด (Close) ข้อมูลทั้งสี่นี้ถูกย่อรวมอยู่ในแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว ทำให้ง่ายต่อการตีความและมองเห็นแนวโน้ม รวมถึงสัญญาณการกลับตัวของราคา ทำความเข้าใจกราฟแท่งเทียนอย่างลึกซึ้ง

ส่วนประกอบสำคัญของกราฟแท่งเทียน: บอกเล่าเรื่องราวราคาในแต่ละช่วงเวลา

แต่ละแท่งเทียนจะประกอบด้วยส่วนหลักสองส่วน ได้แก่ “ลำตัว” (Real Body) และ “ไส้เทียน” หรือ “เงา” (Wick/Shadow) ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวการเคลื่อนไหวของราคาภายในกรอบเวลาที่เลือก:

ส่วนประกอบของกราฟแท่งเทียน

  • ราคาเปิด (Open): ราคาแรกที่มีการซื้อขายในกรอบเวลานั้นๆ
  • ราคาสูงสุด (High): ราคาสูงที่สุดที่เคยไปถึงในกรอบเวลานั้นๆ แสดงด้วยปลายไส้เทียนด้านบน
  • ราคาต่ำสุด (Low): ราคาต่ำที่สุดที่เคยลงไปถึงในกรอบเวลานั้นๆ แสดงด้วยปลายไส้เทียนด้านล่าง
  • ราคาปิด (Close): ราคาสุดท้ายที่มีการซื้อขายในกรอบเวลานั้นๆ

ความสำคัญของ Timeframe: กรอบเวลา (Timeframe) เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่าหนึ่งแท่งเทียนจะแสดงข้อมูลราคาในช่วงเวลาเท่าใด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกกราฟ Timeframe 15 นาที หนึ่งแท่งเทียนจะรวบรวมข้อมูลราคาในช่วง 15 นาทีนั้น แต่ถ้าเป็นกราฟ Timeframe 1 วัน หนึ่งแท่งเทียนจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาตลอดทั้งวัน การเลือก Timeframe ที่เหมาะสมกับการเทรดของคุณจะช่วยให้คุณเห็นภาพตลาดที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดระยะสั้น (Scalping) หรือระยะยาว (Swing Trading) ซึ่งนักเทรดควรศึกษา การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe เพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น

ประเภทของกราฟแท่งเทียน: การตีความภาวะตลาดเบื้องต้น

เมื่อเราเปิดกราฟแท่งเทียนขึ้นมา เราจะพบว่าแท่งเทียนมีการแสดงผลหลักๆ 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทบ่งบอกถึงภาวะตลาดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นักเทรดควรรู้จักและทำความเข้าใจ ความแตกต่างของแท่งเทียน Bullish และ Bearish

1. แท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick): สัญญาณการครอบงำของแรงซื้อ

แท่งเทียนประเภทนี้มักจะแสดงเป็นสีเขียว หรือเป็นแท่งโปร่งในบางแพลตฟอร์มการซื้อขาย ลักษณะเด่นคือ ราคาปิด (Close) จะอยู่สูงกว่าราคาเปิด (Open) เสมอ

  • คืออะไร: บ่งบอกว่าในกรอบเวลาที่กำหนดนั้น แรงซื้อมีอำนาจเหนือแรงขายอย่างชัดเจน ผลักดันให้ราคาขยับสูงขึ้นตั้งแต่ราคาเปิดไปจนถึงราคาปิด
  • โครงสร้าง:
    • ลำตัวแท่งเทียน (Real Body): มีสีเขียวหรือโปร่ง เริ่มต้นจากราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด
    • ไส้เทียนด้านบน (Upper Wick): แสดงถึงราคาสูงสุดที่เคยขึ้นไปถึง
    • ไส้เทียนด้านล่าง (Lower Wick): แสดงถึงราคาต่ำสุดที่เคยลงไปถึง
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงถึงความเชื่อมั่นของตลาด (Market Confidence) ที่เพิ่มขึ้น ผู้ซื้อ (Bulls) มีความกระตือรือร้นในการผลักดันราคาขึ้นไป หากลำตัวแท่งเทียนยาว แสดงว่าแรงซื้อแข็งแกร่งมาก หากไม่มีไส้เทียนด้านบนเลย (Marubozu Bullish) ยิ่งบ่งบอกถึงแรงซื้อที่ควบคุมตลาดได้ตลอดทั้งช่วงเวลา เรียนรู้เชิงเทียน Marubozu
  • ผลลัพธ์: มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อไปในระยะสั้น หากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น จะเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มนั้น หากเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง อาจเป็นสัญญาณแรกของการกลับตัว

2. แท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick): สัญญาณการครอบงำของแรงขาย

แท่งเทียนประเภทนี้มักจะแสดงเป็นสีแดง หรือเป็นแท่งทึบในบางแพลตฟอร์มการซื้อขาย ลักษณะเด่นคือ ราคาปิด (Close) จะอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด (Open) เสมอ

  • คืออะไร: บ่งบอกว่าในกรอบเวลาที่กำหนดนั้น แรงขายมีอำนาจเหนือแรงซื้ออย่างชัดเจน กดดันให้ราคาลดต่ำลงตั้งแต่ราคาเปิดไปจนถึงราคาปิด
  • โครงสร้าง:
    • ลำตัวแท่งเทียน (Real Body): มีสีแดงหรือทึบ เริ่มต้นจากราคาเปิดและสิ้นสุดที่ราคาปิด
    • ไส้เทียนด้านบน (Upper Wick): แสดงถึงราคาสูงสุดที่เคยขึ้นไปถึง
    • ไส้เทียนด้านล่าง (Lower Wick): แสดงถึงราคาต่ำสุดที่เคยลงไปถึง
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงถึงความกังวลและความกลัวในตลาด (Market Fear) ที่เพิ่มขึ้น ผู้ขาย (Bears) มีความกระตือรือร้นในการเทขายและกดดันราคาลง หากลำตัวแท่งเทียนยาว แสดงว่าแรงขายแข็งแกร่งมาก หากไม่มีไส้เทียนด้านล่างเลย (Marubozu Bearish) ยิ่งบ่งบอกถึงแรงขายที่ควบคุมตลาดได้ตลอดทั้งช่วงเวลา
  • ผลลัพธ์: มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไปในระยะสั้น หากเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง จะเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มนั้น หากเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณแรกของการกลับตัว

3. แท่งเทียนโดจิ (Doji Candlestick): สัญญาณความลังเลและจุดเปลี่ยน

แท่งเทียนโดจิเป็นรูปแบบพิเศษที่มีลักษณะสำคัญคือ ราคาเปิด (Open) และราคาปิด (Close) เกือบจะเท่ากัน หรือเท่ากันสนิท ทำให้ลำตัวแท่งเทียนมีขนาดเล็กมากจนเกือบไม่มี หรือเป็นเพียงเส้นบางๆ

  • คืออะไร: บ่งบอกถึงภาวะที่ตลาดมีความลังเล (Indecision) หรืออยู่ในช่วงสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายอย่างมีนัยสำคัญ ไม่มีฝ่ายใดสามารถควบคุมทิศทางราคาได้อย่างเด็ดขาดในช่วงเวลานั้นๆ
  • โครงสร้าง:
    • ลำตัวแท่งเทียน (Real Body): เล็กมากจนเกือบไม่มี
    • ไส้เทียน (Wicks): อาจมีไส้เทียนยาวทั้งสองด้าน ไส้เทียนด้านบนยาว หรือไส้เทียนด้านล่างยาว ขึ้นอยู่กับประเภทของ Doji
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด:
    • ในแนวโน้มขาขึ้น: Doji บ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง และอาจมีแรงขายเข้ามาต้านทาน ทำให้ตลาดเริ่มไม่แน่ใจว่าจะไปต่อหรือไม่
    • ในแนวโน้มขาลง: Doji บ่งบอกว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน และอาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุน ทำให้ตลาดเริ่มลังเลว่าราคาจะลงต่อหรือไม่
  • ผลลัพธ์: Doji มักถูกตีความว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม (Reversal) ที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปรากฏที่จุดสูงสุดหรือต่ำสุดของแนวโน้มที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม Doji เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องอาศัย การยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป หรือเครื่องมืออื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
  • เคล็ดลับ: การวิเคราะห์ Doji ควรพิจารณาจากบริบทของแนวโน้มก่อนหน้าและตำแหน่งที่ปรากฏบนกราฟ หากเป็น Doji ที่มีไส้เทียนยาว ยิ่งเพิ่มนัยยะความสำคัญของการกลับตัว

การทำความเข้าใจพื้นฐานของแท่งเทียนแต่ละประเภทนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการถอดรหัสพฤติกรรมราคา และเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนรู้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นต่อไป

สุดยอดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว: ค้นหาจุดซื้อ-จุดขายในตลาด Forex

รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว (Candlestick Reversal Patterns) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคา ไม่ว่าจะเป็นการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal) หรือจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Reversal) การทำความเข้าใจรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุ จุดเข้าซื้อ (Buy) และจุดเข้าขาย (Sell) ที่มีศักยภาพสูง เพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้ไม่ได้รับประกันความแม่นยำ 100% เสมอไป การใช้งานที่ดีที่สุดคือการใช้ร่วมกับ อินดิเคเตอร์ อื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน (Support & Resistance), เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

1. รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาขึ้น (Bullish Reversal Patterns): หาสัญญาณซื้อ

รูปแบบเหล่านี้มักปรากฏขึ้นที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง (Downtrend) บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงขายและการเข้ามาของแรงซื้อที่พร้อมจะผลักดันราคาให้กลับตัวเป็นขาขึ้น (Uptrend)

1.1 รูปแบบ Hammer (ค้อน)

รูปแบบกราฟแท่งเทียนค้อน Hammer

  • คืออะไร: Hammer เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาขึ้น มักปรากฏที่บริเวณจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มีลักษณะคล้ายค้อน
  • โครงสร้าง:
    • มีลำตัวแท่งเทียน (Real Body) สั้น อาจเป็นสีเขียวหรือแดงก็ได้ (เขียวจะแข็งแกร่งกว่า)
    • มีไส้เทียนด้านล่าง (Lower Wick) ยาวมาก โดยทั่วไปยาวกว่าลำตัวอย่างน้อย 2 เท่า
    • มีไส้เทียนด้านบน (Upper Wick) สั้นมากหรือไม่มีเลย
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงให้เห็นว่าแม้ในระหว่างวัน (หรือกรอบเวลาที่เลือก) ราคาจะถูกแรงขายกดดันลงไปอย่างรุนแรง แต่ในช่วงท้าย แรงซื้อก็สามารถผลักดันราคาให้กลับขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือราคาเปิดได้ แสดงถึงการปฏิเสธราคาต่ำ และเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มเข้ามามีบทบาท
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดไปที่เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ หรือมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: พิจารณาเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการกลับตัว (ปิดสูงกว่าราคาปิดของ Hammer)
  • จุดหยุดขาดทุน: วาง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของไส้เทียนด้านล่างของ Hammer เล็กน้อย
  • จุดทำกำไร: ตั้ง Take Profit ที่แนวต้านสำคัญถัดไป หรือใช้ Fibonacci Retracement
  • เคล็ดลับ: Hammer ที่มีลำตัวสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) และไส้เทียนด้านล่างยาวมากๆ จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า

1.2 รูปแบบ Bullish Harami (ฮารามิขาขึ้น)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bullish Harami

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น คำว่า “Harami” ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง “ตั้งครรภ์” ซึ่งอธิบายลักษณะที่แท่งเทียนเล็กอยู่ภายในแท่งเทียนใหญ่
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดใหญ่ ที่มีลำตัวยาว แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่ง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ขนาดเล็ก ที่มีลำตัวสั้น และราคาเปิดกับราคาปิดอยู่ภายในลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด (ไม่จำเป็นต้องรวมไส้เทียน)
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงการควบคุมของแรงขายอย่างต่อเนื่อง แต่แท่งที่สองที่มีขนาดเล็กบ่งบอกว่าแรงขายเริ่มอ่อนแรงลง และแรงซื้อเริ่มเข้ามาตอบโต้ แต่ยังไม่มีกำลังมากพอที่จะผลักดันราคาออกนอกกรอบของแท่งแรก แสดงถึงความไม่แน่นอนที่อาจนำไปสู่การกลับตัว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: แท่งเทียนถัดไปควรเป็นแท่งขาขึ้นที่แข็งแกร่ง หรือมีสัญญาณอื่นๆ ประกอบ
  • จุดเข้าเทรด: เข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดจาก Harami ปิดยืนยันการขึ้น
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรกเล็กน้อย
  • จุดทำกำไร: แนวต้านสำคัญถัดไป
  • เคล็ดลับ: ยิ่งแท่งที่สองมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะหากเป็น Doji (Bullish Harami Cross) สัญญาณยิ่งมีนัยยะสำคัญ

1.3 รูปแบบ Bullish Harami Cross (ฮารามิขาขึ้นแบบโดจิ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bullish Harami cross

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบที่คล้ายกับ Bullish Harami แต่แท่งที่สองจะเป็นแท่ง Doji ซึ่งบ่งบอกถึงความลังเลที่รุนแรงกว่าและศักยภาพการกลับตัวที่ชัดเจนขึ้น
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่ง Doji ที่ราคาเปิดและปิดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก และอยู่ภายในลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: หลังจากที่แรงขายควบคุมตลาดในแท่งแรก การปรากฏของ Doji แสดงว่าตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลอย่างรุนแรง ไม่มีการตัดสินใจที่ชัดเจนว่าราคาจะไปทางไหนต่อ ซึ่งมักจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวโน้ม
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: การยืนยันด้วยแท่งเทียนขาขึ้นที่ปิดสูงกว่าแท่ง Doji เป็นสิ่งจำเป็น
  • จุดเข้าเทรด: เข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันเหนือแท่ง Doji
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก
  • จุดทำกำไร: แนวต้านที่สำคัญ หรือใช้ Fibonacci Extension
  • เคล็ดลับ: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณกลับตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจาก Doji แสดงถึงการต่อสู้ที่สูสีและอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทิศทางได้

1.4 รูปแบบ Piercing Line (เส้นแทงขึ้น)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Piercing Line

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาขึ้นจากแนวโน้มขาลง มีลักษณะคล้ายกับการเจาะทะลุขึ้นไป
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ที่เปิดตัวต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก (มี Gap ลง) แต่สามารถปิดตัวขึ้นไปได้สูงกว่าจุดกึ่งกลางของลำตัวแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงแรงขายที่ยังคงกดดันราคาลงอย่างต่อเนื่อง แต่การที่แท่งที่สองเปิด Gap ลงแล้วสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาปิดได้สูงกว่ากึ่งกลางของแท่งแรก แสดงให้เห็นว่าแรงซื้อได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญและสามารถเอาชนะแรงขายได้ชั่วคราว เป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ขายสู่ผู้ซื้อ
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาขึ้นถัดไป หรืออยู่ในบริเวณแนวรับที่สำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: พิจารณาเข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการขึ้น
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวต้านสำคัญที่ใกล้ที่สุด
  • เคล็ดลับ: การที่แท่งที่สองปิดขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ และมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้น จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ

1.5 รูปแบบ Engulfing Bullish (กลืนกินขาขึ้น)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Engulfing Bullish Line

รูปแบบ Engulfing Bullish เป็นหนึ่งในรูปแบบการกลับตัวที่แข็งแกร่งและพบเห็นได้บ่อย ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Engulfing Bullish Pattern

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยแท่งเทียนขาขึ้นจะ “กลืนกิน” ลำตัวของแท่งเทียนขาลงก่อนหน้า
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดเล็ก แสดงถึงแรงขายที่อ่อนแรงลง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) ขนาดใหญ่ ที่มีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก และราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน (ลำตัวของแท่งที่สองคลุมลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด)
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงการควบคุมของแรงขายที่เริ่มแผ่วลง การที่แท่งที่สองเปิดต่ำลง (หรือใกล้เคียง) แต่สามารถดีดตัวขึ้นมาอย่างรุนแรงจนปิดเหนือราคาเปิดของแท่งแรกได้ แสดงให้เห็นถึงการเข้ามาของแรงซื้อที่แข็งแกร่งและได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ “กลืนกิน” การเคลื่อนไหวของแท่งก่อนหน้าไปจนหมด
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาขึ้นถัดไป หรือปรากฏที่แนวรับสำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: เข้าซื้อเมื่อแท่งเทียนถัดจาก Engulfing ปิดยืนยันการขึ้น
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวต้านที่แข็งแกร่งถัดไป
  • เคล็ดลับ: หากแท่งที่สองมีปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าปกติ จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

1.6 รูปแบบ Morning Star (ดาวรุ่ง)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Morning star

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาขึ้นจากแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน เปรียบเสมือน “ดาวรุ่ง” ที่ปรากฏขึ้นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงแรงขายที่ครอบงำ
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก (อาจเป็น Doji, Hammer หรือ Spinning Top) ที่เปิดตัวต่ำกว่าราคาปิดของแท่งแรก (มี Gap ลง) และมักจะมีลำตัวสีแดงหรือเขียวก็ได้
    • แท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ที่เปิดตัวสูงกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง (มี Gap ขึ้น) และปิดตัวสูงกว่ากึ่งกลางของลำตัวแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงความแข็งแกร่งของแรงขาย แท่งที่สองที่เล็กและมี Gap ลงบ่งบอกถึงความลังเลและแรงขายที่เริ่มอ่อนแรงลง การปรากฏของแท่งที่สามที่เป็นขาขึ้นขนาดใหญ่ที่ปิดตัวขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงการเข้ามาของแรงซื้อที่แข็งแกร่งและกลับมาควบคุมตลาดได้สำเร็จ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการกลับตัว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สามจะเป็นการยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • จุดเข้าเทรด: เข้าซื้อเมื่อแท่งที่สามปิดสมบูรณ์
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวต้านสำคัญ หรือใช้ทฤษฎี Elliott Wave
  • เคล็ดลับ: ยิ่งแท่งที่สามมีลำตัวยาวและปิดสูงเท่าไหร่ สัญญาณยิ่งแข็งแกร่ง

1.7 รูปแบบ Morning Doji Star (ดาวรุ่งโดจิ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Morning doji star

ทำความเข้าใจรูปแบบ Morning Doji Star อย่างลึกซึ้ง

  • คืออะไร: คล้ายกับ Morning Star แต่แท่งกลางเป็นแท่ง Doji ซึ่งบ่งบอกถึงความลังเลอย่างรุนแรงก่อนการกลับตัว
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: แท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่ง Doji ที่เปิด Gap ลงมาจากแท่งแรก
    • แท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ที่ปิดตัวสูงกว่ากึ่งกลางของลำตัวแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: การมี Doji ในตำแหน่งกลางแสดงถึงจุดที่ตลาดเกิดความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบหลังจากแรงขายที่รุนแรง ก่อนที่แรงซื้อจะเข้ามาครอบงำอย่างเด็ดขาดในแท่งที่สาม ทำให้สัญญาณกลับตัวมีความน่าเชื่อถือสูงยิ่งขึ้น
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่สูงในแท่งที่สาม
  • จุดเข้าเทรด: เข้าซื้อเมื่อแท่งที่สามปิดสมบูรณ์
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของ Doji
  • จุดทำกำไร: แนวต้านสำคัญ
  • เคล็ดลับ: Morning Doji Star ถือเป็นสัญญาณกลับตัวขาขึ้นที่ทรงพลังมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง

1.8 รูปแบบ Three White Soldiers (สามทหารขาว)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Three White Soldiers

ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Three White Soldiers Pattern

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาขึ้นที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีลักษณะเหมือน “ทหารสามนาย” ที่เดินหน้าขึ้นไป
  • โครงสร้าง:
    • ประกอบด้วยแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick) 3 แท่งเรียงต่อกัน
    • แต่ละแท่งควรมีลำตัวที่ยาวพอสมควร และราคาปิดของแต่ละแท่งควรสูงกว่าราคาปิดของแท่งก่อนหน้า
    • ราคาเปิดของแต่ละแท่งควรอยู่ภายในลำตัวของแท่งก่อนหน้า หรือใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งก่อนหน้าเล็กน้อย
    • ไส้เทียนด้านบนควรสั้นหรือไม่มีเลย
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง แรงซื้อได้เข้ามาครอบงำและผลักดันราคาขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาลงได้สิ้นสุดลงและแนวโน้มขาขึ้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่สอดคล้องกับการขึ้นราคาจะเป็นการยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • จุดเข้าเทรด: อาจพิจารณาเข้าซื้อหลังจากแท่งที่สองหรือสามปิด เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
  • จุดหยุดขาดทุน: ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งแรก หรือต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งที่สองสำหรับเทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่า
  • จุดทำกำไร: อาจตั้งเป้าหมายไปที่แนวต้านระยะยาว หรือใช้ Trailing Stop เพื่อรันเทรนด์
  • เคล็ดลับ: รูปแบบนี้บ่งบอกถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แต่ควรระวังหากแท่งเทียนเริ่มมีลำตัวสั้นลงหรือมีไส้เทียนด้านบนยาว ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อ

2. รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Patterns): หาสัญญาณขาย

รูปแบบเหล่านี้มักปรากฏขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) บ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อและการเข้ามาของแรงขายที่พร้อมจะกดดันราคาให้กลับตัวเป็นขาลง (Downtrend)

2.1 รูปแบบ Shooting Star (ดาวตก)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Shooting Star

เจาะลึกรูปแบบ Shooting Star Candlestick

  • คืออะไร: Shooting Star เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลง มักปรากฏที่บริเวณจุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น มีลักษณะคล้ายดาวตก
  • โครงสร้าง:
    • มีลำตัวแท่งเทียนสั้น อาจเป็นสีเขียวหรือแดงก็ได้ (แดงจะแข็งแกร่งกว่า)
    • มีไส้เทียนด้านบนยาวมาก โดยทั่วไปยาวกว่าลำตัวอย่างน้อย 2 เท่า
    • มีไส้เทียนด้านล่างสั้นมากหรือไม่มีเลย
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงให้เห็นว่าแม้ในระหว่างวัน ราคาจะถูกแรงซื้อผลักดันขึ้นไปอย่างรุนแรง แต่ในช่วงท้าย แรงขายก็สามารถกดดันราคาให้กลับลงมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือราคาเปิดได้ แสดงถึงการปฏิเสธราคาสูง และเป็นสัญญาณว่าแรงขายเริ่มเข้ามามีบทบาท
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนถัดไปที่เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ หรือมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
  • จุดเข้าเทรด: พิจารณาเข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการกลับตัว (ปิดต่ำกว่าราคาปิดของ Shooting Star)
  • จุดหยุดขาดทุน: วาง Stop Loss ไว้สูงกว่าจุดสูงสุดของไส้เทียนด้านบนของ Shooting Star เล็กน้อย
  • จุดทำกำไร: ตั้ง Take Profit ที่แนวรับสำคัญถัดไป
  • เคล็ดลับ: Shooting Star ที่มีลำตัวสีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) และไส้เทียนด้านบนยาวมากๆ จะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า

2.2 รูปแบบ Gravestone Doji (โดจิหลุมศพ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Gravestone Doji

  • คืออะไร: เป็นแท่ง Doji ชนิดหนึ่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลง มักปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น
  • โครงสร้าง:
    • ลำตัวแท่งเทียนเล็กมาก (ราคาเปิดและปิดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน)
    • มีไส้เทียนด้านบนยาวมาก
    • ไม่มีไส้เทียนด้านล่าง
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: ราคาถูกแรงซื้อผลักดันขึ้นไปสูงมาก แต่สุดท้ายก็ถูกแรงขายกดดันกลับลงมาปิดที่ราคาเปิดหรือใกล้เคียงกับราคาเปิด แสดงถึงความล้มเหลวของแรงซื้อในการรักษาระดับราคาที่สูงไว้ได้ และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าแรงขายกำลังจะเข้ามาครอบงำตลาด
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงถัดไป หรือปรากฏที่แนวต้านสำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการลง
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของ Doji
  • จุดทำกำไร: แนวรับสำคัญถัดไป
  • เคล็ดลับ: Gravestone Doji เป็นสัญญาณที่ทรงพลังมากหากปรากฏในแนวโน้มขาขึ้นที่ยาวนาน

2.3 รูปแบบ Hanging Man (คนแขวนคอ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Hanging Man

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลง มักปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น มีลักษณะคล้าย Hammer แต่ปรากฏในตำแหน่งที่ต่างกัน
  • โครงสร้าง:
    • มีลำตัวแท่งเทียนสั้น อาจเป็นสีเขียวหรือแดงก็ได้
    • มีไส้เทียนด้านล่างยาวมาก (ยาวกว่าลำตัวอย่างน้อย 2 เท่า)
    • มีไส้เทียนด้านบนสั้นมากหรือไม่มีเลย
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: คล้ายกับ Hammer แต่เกิดขึ้นที่ด้านบนของแนวโน้มขาขึ้น แสดงว่าแม้แรงซื้อจะพยายามผลักดันราคาขึ้น แต่ก็ถูกแรงขายกดดันลงไปอย่างรุนแรงในช่วงหนึ่ง ทำให้ปิดตัวลงมาต่ำ แสดงถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อและการเข้ามาของแรงขาย
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงถัดไป
  • จุดเข้าเทรด: พิจารณาเข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการลง
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของลำตัว Hanging Man เล็กน้อย
  • จุดทำกำไร: แนวรับที่ใกล้ที่สุด
  • เคล็ดลับ: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณเตือนการกลับตัว แต่ต้องการการยืนยันเพิ่มเติมเสมอ

2.4 รูปแบบ Bearish Harami (ฮารามิขาลง)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bearish Harami

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง มักปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ที่มีลำตัวยาว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดเล็ก ที่มีลำตัวสั้น และราคาเปิดกับราคาปิดอยู่ภายในลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงการควบคุมของแรงซื้อ แต่แท่งที่สองที่มีขนาดเล็กบ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรงลง และแรงขายเริ่มเข้ามาตอบโต้ แสดงถึงความไม่แน่นอนที่อาจนำไปสู่การกลับตัว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: แท่งเทียนถัดไปควรเป็นแท่งขาลงที่แข็งแกร่ง
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดจาก Harami ปิดยืนยันการลง
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งแรก
  • จุดทำกำไร: แนวรับที่สำคัญถัดไป
  • เคล็ดลับ: ยิ่งแท่งที่สองมีขนาดเล็กมากเท่าไหร่ สัญญาณยิ่งมีนัยยะสำคัญ

2.5 รูปแบบ Bearish Harami Cross (ฮารามิขาลงแบบโดจิ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Bearish Harami Cross

  • คืออะไร: คล้ายกับ Bearish Harami แต่แท่งที่สองเป็นแท่ง Doji บ่งบอกถึงความลังเลที่รุนแรงก่อนการกลับตัวลง
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่ง Doji ที่อยู่ภายในลำตัวของแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: หลังจากที่แรงซื้อควบคุมตลาดในแท่งแรก การปรากฏของ Doji แสดงว่าตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลอย่างรุนแรง ไม่มีการตัดสินใจที่ชัดเจนว่าราคาจะไปทางไหนต่อ มักจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวโน้ม
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: การยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงที่ปิดต่ำกว่าแท่ง Doji เป็นสิ่งจำเป็น
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันต่ำกว่าแท่ง Doji
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งแรก
  • จุดทำกำไร: แนวรับที่สำคัญ
  • เคล็ดลับ: รูปแบบนี้เป็นสัญญาณกลับตัวที่ค่อนข้างแข็งแกร่งสำหรับการเปิดสถานะขาย

2.6 รูปแบบ Dark Cloud Cover (เมฆดำปกคลุม)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Dark Cloud Cover

ทำความเข้าใจรูปแบบ Dark Cloud Cover

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลง มักปรากฏที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น เปรียบเสมือน “เมฆดำ” ที่เข้ามาบดบังแสงอาทิตย์
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ ที่แข็งแกร่ง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ที่เปิดตัวสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก (มี Gap ขึ้น) แต่สามารถปิดตัวลงมาได้ต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของลำตัวแท่งแรกอย่างชัดเจน
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงผลักดันราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การที่แท่งที่สองเปิด Gap ขึ้นไปแล้วถูกแรงขายกดดันกลับลงมาปิดได้ต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งแรก แสดงให้เห็นว่าแรงขายได้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญและสามารถเอาชนะแรงซื้อได้ชั่วคราว เป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากผู้ซื้อสู่ผู้ขาย
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงถัดไป หรืออยู่ในบริเวณแนวต้านที่สำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: พิจารณาเข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดไปปิดยืนยันการลง
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวรับสำคัญที่ใกล้ที่สุด
  • เคล็ดลับ: การที่แท่งที่สองปิดลงมาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของแท่งแรกมากเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

2.7 รูปแบบ Engulfing Bearish (กลืนกินขาลง)

รูปแบบกราฟ Engulfing Bearish Line

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสองแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง โดยแท่งเทียนขาลงจะ “กลืนกิน” ลำตัวของแท่งเทียนขาขึ้นก่อนหน้า
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดเล็ก แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนแรงลง
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) ขนาดใหญ่ ที่มีราคาเปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก และราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรกอย่างชัดเจน (ลำตัวของแท่งที่สองคลุมลำตัวของแท่งแรกทั้งหมด)
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงการควบคุมของแรงซื้อที่เริ่มแผ่วลง การที่แท่งที่สองเปิดสูงขึ้น (หรือใกล้เคียง) แต่สามารถดีดตัวลงมาอย่างรุนแรงจนปิดต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งแรกได้ แสดงให้เห็นถึงการเข้ามาของแรงขายที่แข็งแกร่งและได้เข้ามาควบคุมตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ “กลืนกิน” การเคลื่อนไหวของแท่งก่อนหน้าไปจนหมด
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ควรยืนยันด้วยแท่งเทียนขาลงถัดไป หรือปรากฏที่แนวต้านสำคัญ
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งเทียนถัดจาก Engulfing ปิดยืนยันการลง
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวรับที่แข็งแกร่งถัดไป
  • เคล็ดลับ: หากแท่งที่สองมีปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าปกติ จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณ

2.8 รูปแบบ Evening Star (ดาวค่ำ)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Evening Star

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Evening Star Pattern

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลงจากแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน เปรียบเสมือน “ดาวค่ำ” ที่ปรากฏขึ้นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงแรงซื้อที่ครอบงำ
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขนาดเล็ก (อาจเป็น Doji, Shooting Star หรือ Spinning Top) ที่เปิดตัวสูงกว่าราคาปิดของแท่งแรก (มี Gap ขึ้น) และมักจะมีลำตัวสีแดงหรือเขียวก็ได้
    • แท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ ที่เปิดตัวต่ำกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง (มี Gap ลง) และปิดตัวต่ำกว่ากึ่งกลางของลำตัวแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แท่งแรกแสดงถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อ แท่งที่สองที่เล็กและมี Gap ขึ้นบ่งบอกถึงความลังเลและแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง การปรากฏของแท่งที่สามที่เป็นขาลงขนาดใหญ่ที่ปิดตัวลงไปได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงการเข้ามาของแรงขายที่แข็งแกร่งและกลับมาควบคุมตลาดได้สำเร็จ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการกลับตัว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในแท่งที่สามจะเป็นการยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งที่สามปิดสมบูรณ์
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งที่สอง
  • จุดทำกำไร: แนวรับสำคัญ
  • เคล็ดลับ: ยิ่งแท่งที่สามมีลำตัวยาวและปิดต่ำเท่าไหร่ สัญญาณยิ่งแข็งแกร่ง

2.9 รูปแบบ Evening Doji Star (ดาวค่ำโดจิ)

รูปแบบแท่งเทียน Evening Doji Star

  • คืออะไร: คล้ายกับ Evening Star แต่แท่งกลางเป็นแท่ง Doji ซึ่งบ่งบอกถึงความลังเลอย่างรุนแรงก่อนการกลับตัวลง
  • โครงสร้าง:
    • แท่งแรก: แท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่
    • แท่งที่สอง: เป็นแท่ง Doji ที่เปิด Gap ขึ้นมาจากแท่งแรก
    • แท่งที่สาม: เป็นแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ ที่ปิดตัวต่ำกว่ากึ่งกลางของลำตัวแท่งแรก
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: การมี Doji ในตำแหน่งกลางแสดงถึงจุดที่ตลาดเกิดความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบหลังจากแรงซื้อที่รุนแรง ก่อนที่แรงขายจะเข้ามาครอบงำอย่างเด็ดขาดในแท่งที่สาม ทำให้สัญญาณกลับตัวมีความน่าเชื่อถือสูงยิ่งขึ้น
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่สูงในแท่งที่สาม
  • จุดเข้าเทรด: เข้าขายเมื่อแท่งที่สามปิดสมบูรณ์
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของ Doji
  • จุดทำกำไร: แนวรับสำคัญ
  • เคล็ดลับ: Evening Doji Star ถือเป็นสัญญาณกลับตัวขาลงที่ทรงพลังมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง

2.10 รูปแบบ Three Black Crows (อีกาสามตัว)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน Three Black Crows

เรียนรู้รูปแบบ Three Black Crows อย่างละเอียด

  • คืออะไร: เป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งที่บ่งบอกถึงการกลับตัวขาลงที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยมีลักษณะเหมือน “อีกาสามตัว” ที่บินลงมา
  • โครงสร้าง:
    • ประกอบด้วยแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick) 3 แท่งเรียงต่อกัน
    • แต่ละแท่งควรมีลำตัวที่ยาวพอสมควร และราคาปิดของแต่ละแท่งควรต่ำกว่าราคาปิดของแท่งก่อนหน้า
    • ราคาเปิดของแต่ละแท่งควรอยู่ภายในลำตัวของแท่งก่อนหน้า หรือใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งก่อนหน้าเล็กน้อย
    • ไส้เทียนด้านล่างควรสั้นหรือไม่มีเลย
  • ความหมายทางจิตวิทยาตลาด: แสดงให้เห็นถึงการอ่อนแรงของตลาดที่แข็งแกร่งและต่อเนื่อง แรงขายได้เข้ามาครอบงำและกดดันราคาลงอย่างสม่ำเสมอ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาขึ้นได้สิ้นสุดลงและแนวโน้มขาลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
  • วิธีการยืนยันสัญญาณ: ปริมาณการซื้อขายที่สอดคล้องกับการลงราคาจะเป็นการยืนยันที่แข็งแกร่ง
  • จุดเข้าเทรด: อาจพิจารณาเข้าขายหลังจากแท่งที่สองหรือสามปิด เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
  • จุดหยุดขาดทุน: สูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งแรก หรือสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งที่สองสำหรับเทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่า
  • จุดทำกำไร: อาจตั้งเป้าหมายไปที่แนวรับระยะยาว หรือใช้ Trailing Stop
  • เคล็ดลับ: รูปแบบนี้บ่งบอกถึงโมเมนตัมขาลงที่แข็งแกร่ง แต่ควรระวังหากแท่งเทียนเริ่มมีลำตัวสั้นลงหรือมีไส้เทียนด้านล่างยาว ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงขาย

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับการใช้กราฟแท่งเทียน

  1. กราฟแท่งเทียนใช้ได้กับทุก Timeframe หรือไม่?

    คำตอบ: ได้อย่างแน่นอน! กราฟแท่งเทียนสามารถใช้งานได้กับทุก Timeframe ตั้งแต่ Timeframe สั้นๆ อย่าง 1 นาที (M1), 5 นาที (M5) สำหรับการเทรดแบบ Scalping ไปจนถึง Timeframe ที่ยาวขึ้น เช่น 1 ชั่วโมง (H1), 4 ชั่วโมง (H4), รายวัน (D1), รายสัปดาห์ (W1) หรือรายเดือน (MN) สำหรับการเทรดระยะกลางถึงระยะยาว

    หลักการทำงานของแท่งเทียนยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าจะใช้ใน Timeframe ใด แต่ความหมายและน้ำหนักของสัญญาณอาจแตกต่างกันออกไป สัญญาณกลับตัวที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า (เช่น D1 หรือ H4) มักจะมีความน่าเชื่อถือและมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่เล็กกว่า (เช่น M5 หรือ M15) เพราะสะท้อนถึงการตัดสินใจของนักลงทุนกลุ่มใหญ่และใช้เวลาก่อตัวนานกว่า

    เคล็ดลับ: นักเทรดมืออาชีพมักจะใช้ การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe โดยดูแนวโน้มหลักจาก Timeframe ที่ใหญ่กว่า และใช้ Timeframe ที่เล็กลงเพื่อหาจุดเข้าและออกที่แม่นยำ

  2. รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวมีความแม่นยำแค่ไหน?

    คำตอบ: รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการระบุศักยภาพการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม แต่ไม่ได้มีความแม่นยำ 100% เสมอไป ความแม่นยำของแต่ละรูปแบบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย:

    • บริบทของตลาด: รูปแบบที่เกิดขึ้นในแนวโน้มที่แข็งแกร่งและชัดเจนมักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบที่เกิดขึ้นในตลาด Sideways หรือตลาดที่มีความผันผวนสูงแบบไร้ทิศทาง
    • ตำแหน่งที่ปรากฏ: รูปแบบกลับตัวที่เกิดขึ้นบริเวณแนวรับ (สำหรับขาขึ้น) หรือแนวต้าน (สำหรับขาลง) ที่สำคัญ จะมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า
    • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การที่รูปแบบกลับตัวเกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น มักจะเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งกว่า เพราะแสดงถึงการมีส่วนร่วมของนักลงทุนจำนวนมากในการเปลี่ยนแปลงทิศทาง
    • การยืนยัน: แทบทุกรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวต้องการการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป หรือจากอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI, MACD เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเทรด

    กฎสำคัญ: ไม่ควรพึ่งพารูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อให้ได้สัญญาณที่แม่นยำและน่าเชื่อถือมากที่สุด

  3. ควรใช้รูปแบบแท่งเทียนร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ หรือไม่?

    คำตอบ: ควรอย่างยิ่ง! การใช้รูปแบบแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวอาจทำให้คุณได้รับสัญญาณเท็จ (False Signals) การรวมรูปแบบแท่งเทียนเข้ากับเครื่องมือและเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความแม่นยำในการตัดสินใจเทรดได้อย่างมาก

    เครื่องมือที่นิยมใช้ร่วมกัน:

    • แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance): รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวที่เกิดขึ้นที่ระดับแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง จะมีนัยยะสำคัญมาก
    • อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค: เช่น Moving Average (MA) เพื่อยืนยันแนวโน้ม, Relative Strength Index (RSI) หรือ Stochastic Oscillator เพื่อระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold), และ Moving Average Convergence Divergence (MACD) เพื่อดูโมเมนตัม
    • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): สัญญาณกลับตัวที่มีปริมาณการซื้อขายสูงจะแข็งแกร่งกว่า
    • รูปแบบกราฟ (Chart Patterns): เช่น Head and Shoulders, Double Top/Bottom เพื่อยืนยันการกลับตัวในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น

    เคล็ดลับ: การผสมผสานเครื่องมือต่างๆ จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของตลาดที่ชัดเจนขึ้น และลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด

  4. แท่งเทียน Doji มีความสำคัญอย่างไร?

    คำตอบ: แท่งเทียน Doji เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญและมีนัยยะพิเศษใน การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน

    ความสำคัญของ Doji:

    • สัญญาณความลังเล: Doji บ่งบอกถึงช่วงเวลาที่แรงซื้อและแรงขายอยู่ในภาวะสมดุล ไม่มีฝ่ายใดสามารถควบคุมทิศทางราคาได้อย่างเด็ดขาด ทำให้ตลาดเกิดความลังเล
    • สัญญาณเตือนการกลับตัว: หาก Doji ปรากฏขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น หรือจุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มันมักจะเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลงและอาจมีการกลับตัวเกิดขึ้นในไม่ช้า
    • การยืนยัน: แม้ Doji จะเป็นสัญญาณเตือนที่ดี แต่ก็ต้องการการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปเพื่อยืนยันการกลับตัวที่แท้จริง เช่น หาก Doji ปรากฏในแนวโน้มขาขึ้น แล้วตามด้วยแท่งเทียนขาลงขนาดใหญ่ นั่นคือสัญญาณ Bearish Reversal ที่แข็งแกร่ง
    • ประเภทของ Doji: Doji มีหลายประเภท เช่น Standard Doji, Long-legged Doji, Gravestone Doji และ Dragonfly Doji ซึ่งแต่ละประเภทมีนัยยะที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ล้วนบ่งบอกถึงความลังเลและการเปลี่ยนสมดุลของตลาด

    ข้อควรระวัง: การปรากฏของ Doji ในช่วงที่ตลาดเป็น Sideways หรือไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน อาจไม่มีนัยยะสำคัญมากนัก

สรุป: ก้าวสู่การเป็นนักเทรดมืออาชีพด้วยการอ่านกราฟแท่งเทียน

การเข้าใจและนำ รูปแบบกราฟแท่งเทียน ไปใช้ในการวิเคราะห์ตลาดเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักเทรดทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์ก็ตาม กราฟแท่งเทียนเป็นมากกว่าเพียงแค่การแสดงผลราคา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าถึงจิตวิทยาเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา ช่วยให้เราเข้าใจว่าแรงซื้อและแรงขายกำลังต่อสู้กันอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา

การเรียนรู้รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวทั้ง 10 รูปแบบสำหรับตลาดกระทิงและตลาดหมีที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้น จะช่วยให้คุณสามารถระบุ จุดเข้าซื้อและจุดเข้าขาย ที่มีศักยภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การนำความรู้เหล่านี้ไปทดลองใช้กับบัญชีทดลอง (Demo Account) และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการตีความกราฟแท่งเทียนจนเป็นธรรมชาติ

จำไว้เสมอว่าไม่มีเครื่องมือใดที่สมบูรณ์แบบ การผสมผสานการวิเคราะห์รูปแบบแท่งเทียนเข้ากับ กลยุทธ์การเทรด Forex อื่นๆ เช่น แนวรับแนวต้าน อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค และการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาวในตลาด Forex ขอให้คุณโชคดีกับการเทรด!

#แจกฟรี!ระบบเทรดและ EA Indicators สำหรับนักเทรดทุกระดับ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการยกระดับการเทรดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ เรามีข้อเสนอสุดพิเศษ
.
เพียงสมัครเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ที่เราแนะนำตามลิงค์ด้านล่างนี้ คุณก็สามารถรับ EA (Expert Advisor) และ Indicators ฟรีทุกตัว พร้อมทั้งเข้ากลุ่ม Line VIP เพื่อรับสัญญาณและเทคนิคการเทรดใหม่ๆ ได้อีกในอนาคต
.
**”เมื่อสมัครเสร็จ ส่งเลข MT4 ไปที่ Line Id- @ft.th เพื่อขอรับ EA ได้ฟรี!”**
.
ช่องทางการพูดคุยและเรียนรู้เพิ่มเติม:
.
.
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

You Might Also Like

Contact Us on Line