TOP 10 บทความยอดนิยม

ดูทั้งหมด
ระบบเทรดสั้น

Higher highs and lower lows ในการซื้อขายคืออะไร?

กันยายน 8, 2022

Higher Highs และ Lower Lows: แก่นแท้ของการวิเคราะห์แนวโน้มในตลาด Forex

กราฟราคาแสดง Higher Highs และ Lower Lows ในการซื้อขาย

การทำความเข้าใจหลักการของ Higher Highs (HH) และ Lower Lows (LL) ถือเป็นรากฐานสำคัญของการ วิเคราะห์ทางเทคนิค ในตลาด Forex หรือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ การสามารถระบุและตีความรูปแบบเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ จะช่วยให้คุณเข้าใจทิศทางที่แท้จริงของตลาด และวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงความหมาย, การก่อตัว, ความสำคัญ, และวิธีการใช้ HH และ LL ในการซื้อขาย รวมถึงการระบุการกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การทำกำไรอย่างยั่งยืน

ความสำคัญของการระบุแนวโน้มในการซื้อขาย Forex

การระบุแนวโน้มของตลาดเป็นขั้นตอนแรกและเป็นพื้นฐานที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะมันช่วยให้เทรดเดอร์ทราบว่า “ใครกำลังควบคุมตลาดอยู่” ระหว่างผู้ซื้อ (Bull) และผู้ขาย (Bear) การทราบทิศทางหลักของตลาดจะช่วยให้เราสามารถ “ซื้อขายไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มเสมอ” (Trade with the Trend) ซึ่งเป็นกฎทองที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทำไมต้องซื้อขายไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม?

  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: การเทรดตามแนวโน้มหมายถึงการเคลื่อนที่ไปพร้อมกับ “กระแสเงินทุนหลัก” ที่ขับเคลื่อนตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธนาคารและสถาบันขนาดใหญ่ การต่อต้านกระแสนี้มักนำไปสู่การขาดทุน
  • ลดความเสี่ยง: หากคุณซื้อขายสวนทางกับแนวโน้ม คุณอาจเผชิญกับการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงและคาดเดาได้ยาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมาก
  • ความชัดเจนในการตัดสินใจ: เมื่อทราบแนวโน้มหลัก การตัดสินใจว่าจะเข้าซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) ก็จะชัดเจนขึ้น ทำให้ลดความสับสนและข้อผิดพลาด

ตัวอย่างการแสดง Higher Highs และ Lower Lows บนกราฟ Forex

ประเภทของแนวโน้มในตลาด Forex

แนวโน้มของราคาในตลาด Forex สะท้อนถึงการควบคุมหรืออำนาจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หากผู้ซื้อมีอำนาจเหนือกว่า ราคาจะสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากผู้ขายมีอำนาจเหนือกว่า ราคาจะลดลง หากทั้งสองฝ่ายมีแรงเท่ากัน ตลาดก็จะเคลื่อนที่ในทิศทางด้านข้าง

โดยทั่วไปแล้ว แนวโน้มในตลาดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่:

1. แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend / Bullish Trend)

  • ลักษณะ: มีการก่อตัวของ Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) อย่างต่อเนื่อง
  • ความหมาย: ผู้ซื้อมีความแข็งแกร่งเหนือผู้ขาย ราคาจึงมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงสภาวะตลาดกระทิง (Bullish market)
  • กลยุทธ์: เทรดเดอร์มักจะมองหาโอกาสในการ เข้าซื้อ (Buy) โดยเฉพาะเมื่อราคาย่อตัวลงมาที่ระดับ Higher Low

2. แนวโน้มขาลง (Downtrend / Bearish Trend)

  • ลักษณะ: มีการก่อตัวของ Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) อย่างต่อเนื่อง
  • ความหมาย: ผู้ขายมีความแข็งแกร่งเหนือผู้ซื้อ ราคาจึงมีแนวโน้มที่จะขยับลงอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงสภาวะตลาดหมี (Bearish market)
  • กลยุทธ์: เทรดเดอร์มักจะมองหาโอกาสในการ เข้าขาย (Sell) โดยเฉพาะเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปที่ระดับ Lower High

3. แนวโน้มด้านข้าง (Sideways Trend / Ranging Market)

  • ลักษณะ: ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่างแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน ไม่มีการก่อตัวของ HH, HL, LH, LL ที่ชัดเจน
  • ความหมาย: ผู้ซื้อและผู้ขายมีแรงผลักดันที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ราคายังไม่สามารถเลือกทิศทางที่ชัดเจนได้
  • กลยุทธ์: เทรดเดอร์อาจใช้กลยุทธ์การซื้อขายในกรอบ (Range Trading) โดยซื้อเมื่อราคาแตะแนวรับและขายเมื่อราคาแตะแนวต้าน หรือรอจนกว่าราคาจะ breakout ออกจากกรอบเพื่อยืนยันแนวโน้มใหม่

การเปรียบเทียบ Higher Highs/Higher Lows และ Lower Highs/Lower Lows

Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) ในตลาด Forex

Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) คือรูปแบบราคาที่บ่งบอกถึง แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน การทำความเข้าใจโครงสร้างนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อขายและทำกำไรในตลาดกระทิง

Higher Highs (HH) คืออะไร?

Higher High (HH) หมายถึง จุดสูงสุดของราคาปัจจุบันที่สูงกว่าจุดสูงสุดของราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองบนกราฟ ราคาจะมีการยกยอดสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ซื้อที่สามารถผลักดันราคาให้ทะลุระดับสูงสุดเดิมไปได้

Higher Lows (HL) คืออะไร?

Higher Low (HL) หมายถึง จุดต่ำสุดของราคาปัจจุบันที่สูงกว่าจุดต่ำสุดของราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ราคามีการย่อตัวลง (Pullback) ในแนวโน้มขาขึ้น การที่จุดต่ำสุดยกสูงขึ้น บ่งชี้ว่าผู้ซื้อยังคงมีความต้องการที่จะเข้าซื้อในระดับราคาที่สูงขึ้นได้ และไม่ยอมให้ราคาลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม

การก่อตัวของ Higher Highs และ Higher Lows บ่งบอกอะไร?

เมื่อราคาก่อตัวเป็น HH และ HL อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า:

  1. แรงซื้อที่แข็งแกร่ง: มีจำนวนผู้ซื้อมากกว่าผู้ขายในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
  2. ความเชื่อมั่นของตลาด: เทรดเดอร์มีความเชื่อมั่นว่าราคาจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
  3. ทิศทางขาขึ้นที่ชัดเจน: ตลาดอยู่ในสภาวะกระทิง ผู้ซื้อควบคุมทิศทางราคาอย่างเต็มที่

เคล็ดลับการซื้อขายในแนวโน้มขาขึ้น

  • เข้าซื้อเมื่อย่อตัว: โอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อคือเมื่อราคาเกิด Higher Lows หรือเมื่อราคาย่อตัวลงมาใกล้แนวรับหรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
  • ใช้ Stop Loss ใต้ Higher Low: การวาง Stop Loss ใต้ระดับ Higher Low ก่อนหน้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจำกัดความเสี่ยง หากแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลง
  • พิจารณาการใช้ตัวบ่งชี้: ใช้ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันโมเมนตัมของแนวโน้ม

ตัวอย่าง: หากราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD เคลื่อนตัวจาก 1.1000 ไป 1.1050 (High) แล้วย่อลงมาที่ 1.1020 (Low) จากนั้นพุ่งขึ้นไปที่ 1.1080 (Higher High) และย่อลงมาที่ 1.1040 (Higher Low) รูปแบบนี้ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น ผู้เทรดควรหาจังหวะซื้อเมื่อราคาย่อลงมาที่ 1.1040 หรือสูงกว่านั้นเล็กน้อย

กราฟแสดง Higher Highs และ Higher Lows อย่างต่อเนื่อง

การวิเคราะห์ Higher Highs และ Higher Lows ในเชิงลึก

Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) ในตลาด Forex

ตรงข้ามกับแนวโน้มขาขึ้น Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) คือรูปแบบราคาที่บ่งบอกถึง แนวโน้มขาลง (Downtrend) อย่างชัดเจน การทำความเข้าใจโครงสร้างนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าขายและทำกำไรในตลาดหมี

Lower Highs (LH) คืออะไร?

Lower High (LH) หมายถึง จุดสูงสุดของราคาปัจจุบันที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดของราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองบนกราฟ ราคาจะมีการลดระดับยอดลงเรื่อยๆ ซึ่งแสดงถึงความอ่อนแอของผู้ซื้อที่ไม่สามารถผลักดันราคาให้สูงกว่ายอดเดิมได้ และผู้ขายเริ่มเข้าควบคุมตลาด

Lower Lows (LL) คืออะไร?

Lower Low (LL) หมายถึง จุดต่ำสุดของราคาปัจจุบันที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของราคาที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง การที่จุดต่ำสุดลดต่ำลง บ่งชี้ว่าผู้ขายมีความแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถกดดันให้ราคาลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ได้เรื่อยๆ

การก่อตัวของ Lower Highs และ Lower Lows บ่งบอกอะไร?

เมื่อราคาก่อตัวเป็น LH และ LL อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า:

  1. แรงขายที่แข็งแกร่ง: มีจำนวนผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
  2. ความไม่เชื่อมั่นของตลาด: เทรดเดอร์เริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นว่าราคาจะสามารถกลับขึ้นไปได้
  3. ทิศทางขาลงที่ชัดเจน: ตลาดอยู่ในสภาวะหมี ผู้ขายควบคุมทิศทางราคาอย่างเต็มที่

เคล็ดลับการซื้อขายในแนวโน้มขาลง

  • เข้าขายเมื่อดีดตัว: โอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าขายคือเมื่อราคาเกิด Lower Highs หรือเมื่อราคาดีดตัวขึ้นมาใกล้แนวต้านหรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
  • ใช้ Stop Loss เหนือ Lower High: การวาง Stop Loss เหนือระดับ Lower High ก่อนหน้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจำกัดความเสี่ยง หากแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลง
  • พิจารณาการใช้ตัวบ่งชี้: ใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อยืนยันโมเมนตัมของแนวโน้มขาลง

ตัวอย่าง: หากราคาคู่สกุลเงิน GBP/JPY เคลื่อนตัวจาก 150.00 ลงไป 149.50 (Low) แล้วดีดขึ้นมาที่ 149.80 (High) จากนั้นร่วงลงไปที่ 149.20 (Lower Low) และดีดขึ้นมาที่ 149.40 (Lower High) รูปแบบนี้ยืนยันแนวโน้มขาลง ผู้เทรดควรหาจังหวะขายเมื่อราคาดีดตัวขึ้นมาที่ 149.40 หรือต่ำกว่านั้นเล็กน้อย

กราฟแสดง Lower Highs และ Lower Lows อย่างต่อเนื่อง

วิธีการระบุการกลับตัวของแนวโน้ม (Trend Reversal) ใน Forex

การระบุการกลับตัวของแนวโน้ม (Trend Reversal) เป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ เพราะมันช่วยให้คุณสามารถออกจากตำแหน่งการซื้อขายเดิมได้ทันเวลาและเปิดโอกาสในการเข้าสู่แนวโน้มใหม่ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น การกลับตัวของแนวโน้มเกิดขึ้นเมื่อโครงสร้างของ Higher Highs/Higher Lows (สำหรับขาขึ้น) หรือ Lower Highs/Lower Lows (สำหรับขาลง) ถูกทำลาย

การกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นสู่ขาลง (Bullish to Bearish Reversal)

หากตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยมีการก่อตัวของ Higher Highs และ Higher Lows อย่างต่อเนื่อง สัญญาณแรกของการกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อ:

  1. Fail to make a Higher High: ราคาไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้าได้
  2. Form a Lower High (LH): หลังจากนั้น ราคาก็ย่อตัวลงและดีดกลับขึ้นไป แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ กลับกลายเป็นจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า
  3. Break the previous Higher Low: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อราคาตกลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า (Break the previous HL and form a LL) การเคลื่อนไหวนี้จะยืนยันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากขาขึ้นเป็นขาลง

กฎ: การก่อตัวของ Lower Low (LL) หลังจากการที่ราคาไม่สามารถทำ Higher High ได้ และตามมาด้วยการสร้าง Lower High (LH) ถือเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้นไปสู่ขาลง

กราฟแสดงการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น

การกลับตัวจากแนวโน้มขาลงสู่ขาขึ้น (Bearish to Bullish Reversal)

ในทางกลับกัน หากตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยมีการก่อตัวของ Lower Highs และ Lower Lows อย่างต่อเนื่อง สัญญาณแรกของการกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อ:

  1. Fail to make a Lower Low: ราคาไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าได้
  2. Form a Higher Low (HL): หลังจากนั้น ราคาก็ดีดตัวขึ้นและย่อกลับลงมา แต่ไม่สามารถทำจุดต่ำสุดใหม่ได้ กลับกลายเป็นจุดต่ำสุดที่สูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า
  3. Break the previous Lower High: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า (Break the previous LH and form a HH) การเคลื่อนไหวนี้จะยืนยันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากขาลงเป็นขาขึ้น

กฎ: การก่อตัวของ Higher High (HH) หลังจากการที่ราคาไม่สามารถทำ Lower Low ได้ และตามมาด้วยการสร้าง Higher Low (HL) ถือเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวของแนวโน้มขาลงไปสู่ขาขึ้น

กราฟแสดงการกลับตัวของแนวโน้มขาลง

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการระบุการกลับตัว

  • ยืนยันด้วยแท่งเทียน: มองหา รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว เช่น Engulfing, Hammer, Shooting Star ที่เกิดขึ้นบริเวณจุดกลับตัว
  • เส้นแนวโน้ม (Trendline): การที่ราคาbreakout ทะลุ เส้นแนวโน้ม ที่เคยเป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัว
  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume): การเพิ่มขึ้นของ Volume ในทิศทางของการกลับตัวสามารถยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณได้
  • ตัวบ่งชี้ (Indicators): ใช้ตัวบ่งชี้ประเภท Oscillator เช่น RSI หรือ Stochastic เพื่อหาสัญญาณ Divergence ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มปัจจุบัน

บทบาทของ Timeframe ในการวิเคราะห์แนวโน้ม

การวิเคราะห์แนวโน้มควรทำบนหลาย Timeframe เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์และลดสัญญาณรบกวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น (เช่น รายวัน/Daily): ใช้เพื่อระบุแนวโน้มหลักของตลาด (Major Trend) ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า
  • Timeframe ที่เล็กลง (เช่น 4 ชั่วโมง, 1 ชั่วโมง, 30 นาที): ใช้เพื่อค้นหาจุดเข้าและออกที่แม่นยำภายในแนวโน้มหลัก การซื้อขายในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักที่ระบุจาก Daily Timeframe จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จอย่างมาก

ตัวอย่าง: หากกราฟรายวันแสดงแนวโน้มขาขึ้น (Higher Highs, Higher Lows) คุณควรมองหาโอกาสในการซื้อใน Timeframe ที่เล็กลง เช่น 1 ชั่วโมง เมื่อราคาย่อตัวลงมาและมีสัญญาณกลับตัวขึ้นใน Timeframe นั้นๆ

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเทรด Higher Highs และ Lower Lows

Q1: Higher Highs และ Lower Lows แตกต่างกันอย่างไร?

A1: Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) บ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง (Downtrend) โดยราคาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำลงเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดที่ต่ำลงเรื่อยๆ

Q2: การระบุ Higher Highs และ Lower Lows มีประโยชน์อย่างไรต่อการเทรด?

A2: การระบุ HH และ LL ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืนยันแนวโน้มหลักของตลาดได้ ทำให้สามารถวางแผนการซื้อขายให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาด ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยและมีโอกาสทำกำไรสูง นอกจากนี้ยังช่วยในการกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit ได้อย่างมีเหตุผล

Q3: ควรใช้ Timeframe ใดในการวิเคราะห์ Higher Highs และ Lower Lows?

A3: ควรเริ่มต้นด้วย Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น เช่น รายวัน (Daily) หรือ 4 ชั่วโมง เพื่อระบุแนวโน้มหลัก จากนั้นจึงเปลี่ยนไปใช้ Timeframe ที่เล็กลง เช่น 1 ชั่วโมง หรือ 30 นาที เพื่อหาจุดเข้าและออกที่แม่นยำ การวิเคราะห์แบบ Multi-Timeframe จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและรายละเอียดของตลาดได้ดียิ่งขึ้น

Q4: มีสัญญาณอื่นใดที่สามารถใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ HH/LL เพื่อยืนยันแนวโน้มหรือการกลับตัว?

A4: แน่นอนครับ เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมือและสัญญาณอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อเพิ่มความแม่นยำ เช่น รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns), เส้นแนวโน้ม (Trendlines), เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages), ตัวบ่งชี้โมเมนตัม (Momentum Indicators) อย่าง RSI หรือ MACD รวมถึงการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของแนวโน้มหรือสัญญาณการกลับตัว

Q5: หากตลาดไม่แสดง Higher Highs/Higher Lows หรือ Lower Highs/Lower Lows ที่ชัดเจน หมายความว่าอย่างไร?

A5: หากราคามีการเคลื่อนไหวที่ไม่มีโครงสร้าง HH/HL หรือ LH/LL ที่ชัดเจน อาจบ่งชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในสภาวะแนวโน้มด้านข้าง (Sideways Trend) หรือเป็นช่วงที่ตลาดยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปในทิศทางใด ในสถานการณ์เช่นนี้ การรอคอยให้ตลาดแสดงทิศทางที่ชัดเจน หรือการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาด Sideways (เช่น Range Trading) อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

สรุป

การทำความเข้าใจและสามารถระบุรูปแบบ Higher Highs และ Lower Lows ได้อย่างเชี่ยวชาญ เป็นหัวใจสำคัญของการ วิเคราะห์แนวโน้ม ในตลาด Forex สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายไปในทิศทางเดียวกับกระแสหลักของตลาด ซึ่งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยง แต่ยังช่วยในการคาดการณ์ การกลับตัวของแนวโน้ม ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย การฝึกฝนการวิเคราะห์โครงสร้างราคาเหล่านี้บน Timeframe ที่แตกต่างกัน จะช่วยพัฒนาทักษะการเทรดของคุณให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ขอแนะนำให้คุณลองใช้แนวคิดนี้กับการวิเคราะห์กราฟจริงบน Timeframe รายวัน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และนำไปประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจซื้อขายของคุณต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดและเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้ม หรือต้องการเครื่องมือช่วยเทรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเข้าร่วมกลุ่มชุมชนเทรดเดอร์ของเราได้ที่ลิงค์ด้านล่าง:

________________________________________

สำหรับพี่ๆที่สนใจเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เปิดบัญชีคลิกที่ลิงค์
ส่งเลข MT4 รับลิงค์ได้เลย
________________________________________________
✅ ??สมัครยืนยันตัวตนรับ EA ได้ฟรีตลอดชีพ
XM มีโบนัสสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ $30 และมีโบนัสเงินฝาก
Exness สมัครง่ายฝากถอนเร็ว
GMI เทรดดีไม่มีสะดุด ฟรี Free Swap ทุกบัญชี
https://bit.ly/GMI-TH
________________________________________________
✅ ♥️ สอบถามเพิ่มเติมที่?https://bit.ly/MTRatsamee
Line id : @ft.th https://lin.ee/u0dwlLM )
——–
ติดตามเราได้ที่
?LINE: @ft.th ( https://lin.ee/u0dwlLM )
?Youtube: FTT – investing (https://shorturl.asia/7wqIe )
_____________________________________________

You Might Also Like

Contact Us on Line