4 เทคนิคการเทรด Forex ที่คุณต้องรู้: สร้างระบบเทรดที่มั่นคงเพื่อกำไรยั่งยืน
การเทรด Forex นั้นเปรียบเสมือนการเดินทางในมหาสมุทรแห่งโอกาส ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความผันผวน การจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และที่สำคัญที่สุดคือ ระบบเทรด Forex ที่แข็งแกร่งและเหมาะสมกับสไตล์ของแต่ละบุคคล บทความนี้จะเจาะลึก 4 เทคนิคการเทรดหลัก ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาระบบเทรดที่มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจ และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน
I. การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ศาสตร์แห่งการอ่านกราฟ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือหัวใจของการเทรด Forex สำหรับเทรดเดอร์จำนวนมากทั่วโลก แนวทางนี้ให้ความสำคัญกับการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต ซึ่งสะท้อนผ่านกราฟ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต หากคุณเข้าใจหลักการพื้นฐานและสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือได้อย่างเชี่ยวชาญ คุณจะสามารถตัดสินใจซื้อ (Buy) หรือขาย (Sell) ได้อย่างมีเหตุผล

1.1 ทำไมต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค?
กราฟราคาเป็นเหมือนแผนที่ที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตลาด ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ของนักลงทุน, ปริมาณการซื้อขาย, หรือแม้กระทั่งผลกระทบจากข่าวสารต่าง ๆ ที่ถูกซึมซับเข้าไปในการเคลื่อนไหวของราคาแล้ว การทำความเข้าใจรูปแบบกราฟ, แท่งเทียน (candlestick patterns), และตัวชี้วัดทางเทคนิค (technical indicators) จะช่วยให้คุณเห็นสัญญาณซื้อขายที่มีนัยสำคัญ
ตัวอย่างเช่น หากราคาสร้างรูปแบบ Head and Shoulders ซึ่งเป็นรูปแบบการกลับตัวที่พบบ่อย นักเทรดทางเทคนิคจะเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
1.2 ข้อดีของการเทรดด้วยเทคนิคอล
- ไม่ต้องใช้อารมณ์: การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาศัยข้อมูลเชิงตัวเลขและรูปแบบที่ชัดเจน ทำให้การตัดสินใจมีเหตุผลมากขึ้น ลดอิทธิพลของอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด
- มีสูตรที่แน่นอน: มีกฎเกณฑ์และกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมากมาย เช่น การใช้ Moving Average ตัดกัน, การใช้ RSI ในการหาภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)
- มีระบบเทรดและอินดิเคเตอร์ให้เลือกมากมาย: ตลาดมีเครื่องมือและ Indicator ทั้งแบบฟรีและเสียเงินให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับสไตล์การเทรดและความซับซ้อนที่ต้องการ นักลงทุนสามารถทดลองใช้และปรับแต่งให้เข้ากับระบบของตนเองได้
1.3 ข้อเสียของการเทรดด้วยเทคนิคอล
- ข้อมูลในอดีต: การวิเคราะห์ทางเทคนิคอิงจากข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต ซึ่งไม่ได้เป็นหลักประกันว่าอนาคตจะเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน
- สถิติเป็นค่าเฉลี่ย: ตัวเลขและสถิติต่าง ๆ เป็นเพียงค่าเฉลี่ย ไม่ได้สะท้อนสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทั้งหมด และอาจไม่แม่นยำในสถานการณ์ที่ตลาดมีความผันผวนสูงจากปัจจัยภายนอก
- ต้องอดทนและมีวินัย: การสร้างระบบเทรดที่อิงจาก Technical Analysis ต้องอาศัยการทดสอบและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดเป็นระยะเวลานาน เพื่อเก็บสถิติและประเมินผลลัพธ์ที่แท้จริง เนื่องจากไม่มีระบบใดที่ชนะทุกไม้
II. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): เจาะลึกเศรษฐกิจโลก
นอกจากการอ่านกราฟแล้ว การเข้าใจเศรษฐกิจมหภาคและการเมืองโลกก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการเทรด Forex โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการมองภาพรวมระยะยาว การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าเหตุใดค่าเงินหนึ่งถึงแข็งค่าหรืออ่อนค่าลง โดยอาศัยการติดตามข่าวสารและข้อมูลเศรษฐกิจจากประเทศต่าง ๆ
2.1 ข่าวสารประเภทใดที่มีอิทธิพล?
ข่าวเศรษฐกิจที่มีผลกระทบสูงมักมาจากการประกาศตัวเลขสำคัญ เช่น อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, GDP, การจ้างงาน, หรือนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศใหญ่ ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา (USD), สหภาพยุโรป (EUR), ญี่ปุ่น (JPY) และอังกฤษ (GBP) ข่าวเหล่านี้สามารถทำให้ค่าเงินผันผวนอย่างรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว
ตัวอย่าง: หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมาย ค่าเงิน USD มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นจะน่าสนใจกว่า
2.2 ข้อดีของการเทรดด้วยข่าวสาร
- เข้าใจเหตุผล: การวิเคราะห์ข่าวช่วยให้คุณเข้าใจถึง “เหตุและผล” ที่แท้จริงเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจเทรดที่มั่นใจและมีเหตุผล ไม่ใช่การเดาสุ่ม
- รู้ก่อน รวยก่อน: หากคุณสามารถตีความข่าวสารและคาดการณ์ผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว คุณอาจมีโอกาสเข้าทำกำไรก่อนที่ตลาดจะปรับตัวเต็มที่
- จำกัดคู่เงินหลัก: ค่าเงินที่มีผลต่อตลาดโลกมีไม่กี่สกุลหลัก ทำให้ง่ายต่อการติดตามและวิเคราะห์ข่าวสารเฉพาะกลุ่ม
2.3 ข้อเสียของการเทรดด้วยข่าวสาร
- ความซับซ้อนในการตีความ: การตีความข่าวสารต้องอาศัยความรู้เชิงลึกทางเศรษฐศาสตร์และประสบการณ์ บางครั้งข่าวที่ดีสำหรับประเทศหนึ่ง อาจส่งผลเสียต่อค่าเงินนั้นได้ เช่น หากประเทศต้องการให้ค่าเงินอ่อนลงเพื่อกระตุ้นการส่งออก
- ข้อมูลจำนวนมาก: การติดตามข่าวสารจากหลายแหล่งและหลายภาษาอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและใช้เวลานาน
III. โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ (Expert Advisors – EA): ผู้ช่วยอัจฉริยะ
สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการความสะดวกสบายและลดอิทธิพลทางอารมณ์ในการเทรด Expert Advisors (EA) หรือโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ คือคำตอบ EA คือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อดำเนินการซื้อขายตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้คุณสามารถรันระบบเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ

3.1 EA ทำงานอย่างไร?
EA จะรันบนแพลตฟอร์มการเทรด เช่น MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) โดยอาศัยเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเสมือน (VPS) เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีสะดุด ไม่ว่าคุณจะปิดคอมพิวเตอร์ไปแล้วก็ตาม เมื่อเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในโปรแกรม เช่น สัญญาณจากอินดิเคเตอร์, รูปแบบแท่งเทียน, หรือระดับราคาที่กำหนด ได้รับการตอบสนอง EA ก็จะเปิดหรือปิดออเดอร์ให้โดยอัตโนมัติ
ประเภทของ EA: EA มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ EA ที่ใช้กลยุทธ์ง่ายๆ ไปจนถึง EA ที่ซับซ้อน เช่น Martingale, Grid, Hedging หรือ EA ที่เทรดตามข่าว (News Trading EA) ซึ่งแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
3.2 การเลือกและใช้งาน EA
การค้นหา EA ที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถเลือกได้หลายวิธี:
- ซื้อ EA: EA ที่มีประสิทธิภาพสูงมักจะต้องซื้อจากผู้พัฒนาที่มีชื่อเสียง ควรศึกษาข้อมูล รีวิว และผลงานย้อนหลังอย่างละเอียด และไม่ควรซื้อในราคาที่สูงเกินไปโดยไม่มีการรับประกันผล
- จ้างเขียน EA: หากคุณมีระบบเทรดที่ชัดเจน คุณสามารถจ้างโปรแกรมเมอร์ให้เขียน EA ตามกฎเกณฑ์ของคุณได้ ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ
- ระวัง EA ฟรี: EA ที่แจกฟรีจำนวนมากมักจะไม่สามารถทำกำไรได้จริง และอาจทำให้คุณเสียเวลาและเงินทุนได้ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
3.3 ข้อดีของการเทรดด้วย EA
- เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง: EA ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สามารถทำงานได้ตลอดเวลาที่ตลาดเปิด ทำให้ไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร
- ปราศจากอารมณ์: EA ปฏิบัติตามกฎที่ตั้งไว้เท่านั้น ไม่มีการตัดสินใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว เช่น ความกลัว ความโลภ หรือความลังเล
- ประหยัดเวลา: คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ทำให้มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้
3.4 ข้อเสียของการเทรดด้วย EA
- การหา EA คุณภาพดีเป็นเรื่องยาก: การค้นหา EA ที่ทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอและมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย บางครั้งต้องลงทุนทั้งเวลาและเงินจำนวนมากในการทดลอง
- ไม่ยืดหยุ่นต่อสภาวะตลาด: EA บางตัวอาจทำงานได้ดีในสภาวะตลาดหนึ่ง แต่ไม่เหมาะสมกับอีกสภาวะหนึ่ง เช่น EA ที่เหมาะกับตลาด Side-way อาจขาดทุนยับเยินในตลาด Trending
- ต้องมีความรู้พื้นฐาน: ถึงแม้จะเป็นระบบอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ก็ควรมีความรู้พื้นฐานในการตั้งค่า, การเลือก VPS และการบริหารความเสี่ยง
IV. Copy Trade: เลียนแบบนักเทรดมืออาชีพ
Copy Trade หรือการคัดลอกคำสั่งซื้อขายจากนักเทรดคนอื่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาศึกษาตลาดอย่างลึกซึ้ง หรือต้องการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ระบบนี้ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้โดยการเลียนแบบกลยุทธ์ของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
4.1 Copy Trade ทำงานอย่างไร?
คุณจะต้องเลือกแพลตฟอร์มหรือโบรกเกอร์ที่ให้บริการ Copy Trade หรือ PAMM Account (Percentage Allocation Management Module) เช่น Forex4you, Roboforex, HotForex คุณสามารถเลือก “Master Trader” ที่มีผลงานดี มีสถิติการเทรดที่โปร่งใส และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เมื่อ Master Trader เปิดหรือปิดออเดอร์ ระบบก็จะคัดลอกคำสั่งเหล่านั้นไปยังบัญชีของคุณโดยอัตโนมัติ ด้วยสัดส่วนที่คุณกำหนดไว้
ตัวอย่าง: หาก Master Trader เปิด Buy EUR/USD จำนวน 1 lot ระบบก็จะเปิด Buy EUR/USD ในบัญชีของคุณตามสัดส่วนที่ตั้งไว้ เช่น 0.1 lot ถ้าคุณตั้งค่าไว้ 10%
4.2 ข้อดีของการเทรดด้วย Copy Trade
- ไม่ต้องมีความรู้เชิงลึก: คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือความรู้มากมายในการวิเคราะห์ตลาด เพียงแค่เลือก Master Trader ที่เหมาะสมก็สามารถเริ่มทำกำไรได้
- เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ: เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคการเทรดจากนักเทรดที่มีประสบการณ์
- ประหยัดเวลา: เช่นเดียวกับ EA คุณไม่ต้องเฝ้าหน้าจอหรือตัดสินใจเอง ทำให้มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น
- มีโอกาสเป็น Master Trader: หากคุณมีฝีมือในการเทรดที่ดีขึ้น คุณก็สามารถเปิดบัญชีของคุณให้คนอื่นคัดลอก เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมได้
4.3 ข้อเสียของการเทรดด้วย Copy Trade
- มีค่าธรรมเนียม: โดยส่วนใหญ่ Master Trader จะคิดค่าธรรมเนียมจากกำไรที่คุณได้รับ ซึ่งมักจะอยู่ระหว่าง 20-30% ควรเลือก Master Trader ที่คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 20% เพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน
- ความแน่นอนน้อยกว่า EA: แม้จะคัดลอกจากมืออาชีพ แต่มนุษย์ก็ยังมีอารมณ์และความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดได้ ไม่เหมือน EA ที่ทำงานตามระบบที่ตั้งไว้
- ความเสี่ยงสูง: หาก Master Trader ที่คุณเลือกทำผิดพลาด คุณก็จะได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้นการเลือก Master Trader จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การผสมผสานเทคนิค: สร้างระบบเทรดเฉพาะตัว
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักจะไม่ได้ยึดติดกับเทคนิคใดเทคนิคหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะนำแนวทางที่แตกต่างกันมาผสมผสานกันเพื่อสร้าง ระบบเทรด ที่สมบูรณ์แบบและยืดหยุ่นต่อสภาวะตลาดที่หลากหลาย
ตัวอย่าง: คุณอาจใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อกำหนดแนวโน้มใหญ่ของตลาด (เช่น ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของ USD) จากนั้นใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาระดับเข้าซื้อหรือขายที่เหมาะสม และสุดท้ายใช้ EA หรือ Copy Trade ในการบริหารจัดการออเดอร์เพื่อลดภาระและควบคุมอารมณ์
การค้นหา “จังหวะ” ของคุณเอง
สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกและพัฒนาระบบเทรดคือการ “รู้จักตัวเอง” คุณเป็นนักเทรดประเภทไหน? คุณรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด? คุณมีเวลาในการเฝ้าหน้าจอมากแค่ไหน? คำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณค้นพบ “จังหวะ” การเทรดที่เหมาะสมกับบุคลิกและความสามารถของคุณเอง
ย้อนกลับไปในวันที่คุณตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกของการเทรด Forex อะไรคือสิ่งที่คุณเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จ? ความชอบและความเชื่อมั่นในวันแรกเหล่านั้นคือต้นทุนอันล้ำค่าที่จะนำพาคุณไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง จงซื่อสัตย์กับตัวเอง ยอมรับในข้อดีและข้อจำกัดของตนเอง แล้วคุณจะพบกับระบบเทรดที่แท้จริงที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเทคนิคการเทรด Forex
Q1: มือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยเทคนิคการเทรดแบบไหนดีที่สุด?
A1: สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นจากการเรียนรู้ การวิเคราะห์ทางเทคนิค และ ปัจจัยพื้นฐาน ควบคู่กันไป เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการเคลื่อนไหวของราคาและผลกระทบจากข่าวสาร การฝึกฝนบนบัญชีทดลอง (Demo Account) ด้วยการใช้กราฟและอินดิเคเตอร์พื้นฐาน จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับตลาดโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อมีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว จึงค่อยพิจารณาการใช้ EA หรือ Copy Trade เพื่อเสริมประสิทธิภาพ
Q2: EA ที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร?
A2: EA ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้:
- ผลงานย้อนหลัง (Backtest) ที่ดี: มีผลลัพธ์การทดสอบย้อนหลังที่น่าเชื่อถือและโปร่งใส
- อัตรา Drawdown ที่ยอมรับได้: ไม่มีการขาดทุนสูงสุดติดต่อกันที่สูงเกินไป
- ทำงานได้ดีในหลายสภาวะตลาด: ไม่ใช่แค่เฉพาะตลาดใดตลาดหนึ่ง
- มีการอัปเดตและสนับสนุน: ผู้พัฒนาควรมีการอัปเดตโปรแกรมและให้การสนับสนุนเมื่อเกิดปัญหา
- ตั้งค่าได้ยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ให้เข้ากับความเสี่ยงที่รับได้
Q3: Copy Trade มีความเสี่ยงสูงกว่าการเทรดเองหรือไม่?
A3: Copy Trade มีความเสี่ยงที่แตกต่างจากการเทรดเอง การเทรดเองคุณควบคุมทุกอย่าง แต่ Copy Trade คุณต้องพึ่งพาความสามารถของ Master Trader หาก Master Trader มีกลยุทธ์ที่ไม่ดี หรือบริหารความเสี่ยงผิดพลาด คุณก็จะได้รับผลกระทบด้วย ดังนั้น การเลือก Master Trader ที่มีประวัติผลงานดี มีความโปร่งใส และมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
Q4: สามารถใช้เทคนิคหลายอย่างรวมกันได้หรือไม่?
A4: ได้แน่นอน! การผสมผสานเทคนิคต่าง ๆ เข้าด้วยกันถือเป็นกลยุทธ์ขั้นสูงที่เทรดเดอร์มืออาชีพนิยมใช้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อกำหนดแนวโน้มหลัก (Trend) จากนั้นใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขายที่แม่นยำ และใช้ EA เพื่อจัดการออเดอร์และบริหารความเสี่ยง การรวมเทคนิคจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและลดจุดอ่อนของแต่ละแนวทางได้
Q5: ควรใช้เงินทุนเท่าไหร่ในการเริ่มต้นเทรด Forex?
A5: จำนวนเงินทุนเริ่มต้นในการเทรด Forex ไม่มีตัวเลขที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของคุณ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยเงินทุนจำนวนน้อยที่คุณพร้อมจะสูญเสียได้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการเรียนรู้และฝึกฝน การใช้บัญชี Cent หรือบัญชี Micro ที่โบรกเกอร์บางรายมีให้บริการ ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่จำกัด เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงแรก
Conclusion
การเทรด Forex ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่การทำความเข้าใจใน 4 เทคนิคหลัก ได้แก่ การวิเคราะห์ทางเทคนิค, การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน, การใช้ Expert Advisors (EA) และ Copy Trade จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้าง ระบบเทรด ที่มีประสิทธิภาพ การเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับบุคลิก ความรู้ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณเอง คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในตลาด Forex จงศึกษาเรียนรู้ ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และปรับปรุงระบบเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
หากคุณสนใจที่จะเริ่มต้นสร้างระบบเทรดอัตโนมัติ หรือต้องการเข้ากลุ่มผู้ใช้ EA เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และรับคำแนะนำเพิ่มเติม อย่ารอช้า!
https://bit.ly/GMI-TH

